บทความนี้ คือ ความแตกต่างระหว่างบริการ Courier และ Freight Forwarder
สามารถกดเข้าไปรับชม วิดิโอแอนนิเมชั่น เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น..
หากคุณต้องการส่งสินค้าไปต่างประเทศโดยใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ซึ่งเป็นการขนส่งสินค้าที่มีความรวดเร็ว และหนึ่งในบริการที่นิยมเป็นอย่างมาก คือ Courier.
บทความนี้ อธิบายความแตกต่างระหว่างบริการขนส่งสินค้าทางอากาศแต่ละประเภท รวมไปถึงข้อดีและข้อจำกัดในการใช้บริการ Courier และ Freight Forwarder
Courier คืออะไร บริการ Courier คือ การส่งพัสดุหรือเอกสารข้ามประเทศ เหมาะสำหรับสินค้าที่มีขนาดเล็ก
ในปัจจุบันมีบริษัท Courier ที่มีชื่อเสียงและบริการดีเยี่ยมมากมายหลายแห่ง เช่น DHL, Fedex และ UPS
3 บริษัทนี้ จะมีเครื่องบินขนส่งสินค้าเป็นของตัวเอง ทำพิธีการศุลกากร และส่งสินค้าไปถึงจุดหมายปลายทาง
ซึ่งบริษัทเหล่านี้ดำเนินงานให้แก่บริษัท freight forwarder ด้วยเช่นกัน
ต่อไปการจัดส่งสินค้าแบบ EMS จะมีความคล้ายคลึงกับบริการ Couriers EMS คือ การส่งเอกสารหรือสินค้า สามารถส่งได้ทั้งในประเทศและส่งไปต่างประเทศ
บริการ Courier บริหารจัดการโดยองค์กรเอกชน แต่บริการ EMS ถูกบริหารงานโดยไปรษณีย์
เงื่อนไขในการให้บริการ
การบริการของแต่ละบริษัทจะไม่แตกต่างกันมาก เพราะเป็นการส่งสินค้าจากผู้ส่งไปยังผู้รับเช่นเดียวกัน
สำหรับบริการ EMS ถูกบริหารงานโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในสหภาพไปรษณีย์สากล เป็นองค์การระหว่างประเทศ ทำหน้าที่ประสานงานนโยบายการไปรษณีย์ระหว่างประเทศสมาชิก
ซึ่งการจัดส่งแบบนี้จะปลอดภัยและได้ของเร็วที่สุด เหมาะสำหรับการส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก แต่ข้อเสียคือ ราคาแพง
ต่อไปคือ Freight Forwarder
Freight Forwarder คือ ตัวแทนตัวกลางหรือบริษัทที่ทำหน้าที่ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
มีหน้าที่คอยประสานงานและรับผิดชอบเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า โดยที่ไม่มีเรือหรือเครื่องบินเป็นของตัวเอง
การใช้บริการ Freight Forwarder จะมีรูปแบบการขนส่งสินค้าชนิดต่าง ๆ ที่หลากหลาย
ต่อไปเราจะอธิบายข้อดีสำหรับการใช้บริการ Courier. การใช้บริการประเภทนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่มีปริมาณน้อย มีขนาดไม่ใหญ่มาก และต้องการความรวดเร็ว
โดยมีลักษณะการให้บริการที่เน้นความรวดเร็วและมีการจัดการระบบอย่างดี
การเคลียร์พิธีการศุลกากร จะมีความแตกต่างจากทั่วไป คือ การเคลียร์ใบขนรวม คือ การนำสินค้าหลายๆเจ้ามาอยู่ในใบขนเดียวและทำการผ่านพิธีการศุลกากร
เช่น หากมูลค่าของสินค้าไม่สูงมาก และน้อยกว่า USD 2,000 ก็สามารถผ่านพิธีการศุลกากรได้รวดเร็ว
จากประเทศญี่ปุ่น จะใช้ระยะเวลา 1-3 วัน ในส่งสินค้าไปยังพื้นที่เอเชีย 4-5 วัน สำหรับการส่งสินค้าไปประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป
และ 5-6 วัน สำหรับส่งสินค้าไปยังพื้นที่อื่นๆ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการใช้บริการ Courier ราคาการส่งแบบ Courier จะคุ้มค่าสำหรับการส่งสินค้าที่มีขนาดเล็ก มีน้ำหนักเบา และมีปริมาณน้อย จะมีตารางอัตราค่าบริการโดยคิดนวณจากน้ำหนักของสินค้า
คุณสามารถค้นหาราคาค่าจัดส่งสินค้า โดยการระบุประเทศปลายทาง น้ำหนัก และปริมาตรของสินค้า
สิ่งที่สำคัญคือ ราคาของสินค้า ผู้รับปลายทางอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการรับสินค้า เนื่องจากภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน ในกรณีที่ต้องการส่งสินค้าไปยังพื้นที่ห่างไกล
อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ เพิ่มเติมได้
ดังนั้น จึงแนะนำให้ตรวจสอบและทำการตกลงราคาให้เรียบร้อยก่อนการจัดส่งสินค้า
การจัดส่งสินค้าโดยบริการ Courier
สิ่งที่เราจะต้องทำคือ กรอกข้อมูลของสินค้าทั้งหมดลงในระบบ
หรือในกรณีที่ต้องการสินค้าด่วนมาก สามารถโทรไปหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อทำการจัดส่งสินค้าได้เช่นกัน
สำหรับข้อจำกัดในการเลือกใช้บริการ Courier มีดังนี้ ;
• มีข้อจำกัดในการขนส่งสินค้า
• ไม่เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก
• อาจมีความไม่ยืดหยุ่น หากเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ
สิ่งที่ไม่สามารถใช้บริการขนส่งโดย Courier ได้ คือ สัตว์และต้นไม้ , สินค้าสด , สินค้าอันตรายและสินค้าที่ที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
หากต้องการส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่ โดยใช้บริการ Courier อาจะมีค่าใช้จ่ายสูง และไม่คุ้มค่า
โดยปกติสินค้าที่มีน้ำหนักและปริมาตรเกิน 45 กิโลกรัม เราขอแนะนำให้เลือกใช้บริการ Freight Forwarder จะประหยัดและคุ้มค่ากว่า
อีกหนึ่งข้อจำกัดคือ การจัดการสินค้าอาจไม่ค่อยมีความยืดหยุ่นมากนัก
ในเรื่องการแพ็คกิ้งสินค้า การเปลี่ยนสถานที่ปลายทาง การจ่ายภาษี
และเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับศุลกากร อาจใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขปัญหา
ต่อไป คือข้อดีและประโยชน์ในการเลือกใช้บริการ Freight Forwarder
จุดเด่นในการให้บริการของ Freight Forwarder คือ สามารถตอบโจทย์และทำตามความต้องการของลูกค้าในการจัดส่งสินค้าได้
ในกรณีที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับเรื่องราคา ตารางการให้บริการ หรือ ความปลอดภัยของสินค้า
Freight Forwarder จะมีหน้าที่ยื่นข้อเสนอและตัวเลือกต่าง ๆ เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางเรือ เครื่องบิน หรือ Courier ให้ลูกค้าได้พึงพอใจได้มากที่สุด
ในการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ สามารถพบปัญหาได้เสมอ ทั้งในเรื่องการส่งสินค้าล่าช้า การแบ่งสถานที่จัดส่ง และการผ่านพิธีการศุลกากร
สิ่งที่บริการ Couriers ไม่สามารจัดหาบริการได้เหมือน Freight Forwarders คือ เรื่องการเสนอราคาของสินค้า หากต้องส่งสินค้าปริมาณมาก ทาง Freight Forwarder สามารถจัดหาราคาขนส่งสินค้าที่ต่ำได้
ดังนั้น เราจึงแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการขนส่งสินค้าทางเครื่องบินกับ Freight Forwarder จะเกิดความคุ้มค่าที่สุด
สำหรับความแตกต่างในการให้บริการระหว่าง Courier และ Freight Forwarder มีการให้บริการขนส่งสินค้าหรือพัสดุทุกประเภท ย่อมมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป
ขึ้นอยู่กับประเภท และวัตถุประสงค์ในการจัดส่งของผู้ให้บริการ
บริการขนส่ง Courier เหมาะสำหรับการส่งสิ่งของหรือสินค้าขนาดเล็ก จึงจะเกิดความคุ้มค่า และการใช้ Freight Forwarder เหมาะสำหรับการส่งสินค้าที่มีปริมาณมาก
มีความยืนหยุ่นและสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงต้องทำความเข้าใจถึงความเหมาะสม เงื่อนไขในการให้บริการ ตลอดจนมองว่าธุรกิจของคุณควรใช้ต้นทุน
ในการจัดส่งสินค้าอย่างไร เพื่อให้เลือกได้อย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจและตัวคุณเอง