ความแตกต่างระหว่าง House B/L และ Master B/L.
วิดีโอแอนนิเมชั่น มีความยาว 5:50 นาที
บทความนี้ คือ ความแตกต่างระหว่าง House B/L และ Master B/L.
อย่างที่ทุกคนทราบ ว่า B/L เป็นเอกสารสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกัน ว่า House B/L และ Master B/L คืออะไร
House B/L จะออกโดย freight forwarder ส่วน Master B/L จะออกโดยสายเรือค่ะ
ปกติแล้ว ลูกค้าจะระบุว่า ต้องการใช้ B/L ประเภทใดประเภทหนึ่ง ในการขนส่งสินค้า จะไม่มีลูกค้าที่ได้รับทั้ง House B/L และ Master B/L
เราจะอธิบายความแตกต่างระหว่าง House B/L และ Master B/L โดยใช้ B/L ฉบับจริงเพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น
อันดับแรกคือ House B/L นี่คือรูปแบบเอกสาร B/L ของบริษัทเราเอง
สำหรับเอกสาร House B/L ตรงช่อง Shipper เราจะระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งออกตัวจริง ส่วนในช่อง Consignee จะระบุชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้าตัวจริง
นี่คือ รูปแบบ B/L ที่ออกโดย freight forwarder
House B/L จะระบุชื่อบริษัทและที่อยู่ของ agent ที่ประเทศปลายทาง ซึ่ง agent นี้ จะเป็นผู้ออกเอกสาร Arrival Notice and D/O เพื่อแจ้งไปยังผู้นำเข้าสินค้า
ถ้าหากผู้นำเข้าสินค้า ไม่ได้รับเอกสาร Arrival Notice สามารถสอบถามไปทาง agent ที่ระบุบนหน้า B/Lได้เลย
สำหรับ Master B/L จะออกโดยสายเรือ หากคุณใช้ Master B/L เป็น sub เอกสาร House B/L มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ตรงช่อง Shipper เราจะระบุชื่อและที่อยู่ของตัวแทนผู้ส่งออกสินค้า ส่วนช่อง Consignee จะระบุชื่อและที่อยู่ของตัวแทนผู้นำเข้าสินค้าค่ะ
ซึ่งเอกสารฉบับนี้จะออกจากสายเรือโดยตรง หมายความว่า forwarder จะเป็นตัวแทนของสายเรือ
โดยหัวกระดาษของ B/L จะเป็นชื่อของสายเรือ และข้อมูลของบริษัทในฝั่งนำเข้าสินค้า จะเป็นชื่อบริษัทเรือที่อยู่ปลายทาง
ลูกค้ายังสามารถจองเรือกับทางตัวแทนผู้ส่งออกสินค้า ซึ่งสามารถใช้ Master B/L ที่ออกโดยสายเรือได้
ในกรณีที่ทาง forwarder ไม่มีตัวแทน agent ที่ประเทศทาง หรือ เมื่อทางลูกค้าร้องขอเป็นกรณีพิเศษในการใช้ Master B/L
เอกสาร Master B/L มีรายละเอียดดังนี้
ในช่อง Shipper จะระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งออกตัวจริง
ส่วนในช่อง Consignee จะระบุชื่อและที่อยู่ของผู้นำเข้าตัวจริงเช่นกัน
บนหัวกระดาษจะระบุชื่อของสายเรือ อันดับสุดท้ายจะระบุชื่อบริษัทเรือที่อยู่ปลายทาง
สรุปง่าย ๆ ดังนี้
ในกรณีที่ลูกค้าใช้ House B/L จำเป็นจะต้องมีทั้ง House B/L และ Master B/L เพื่อส่งให้แก่ agent ปลายทาง
แต่สำหรับ Shipper และ Consignee จะได้รับเพียงแค่เอกสาร House B/L เท่านั้น
สำหรับในกรณีการใช้ Master B/L, ทางสายเรือจะเป็นผู้ออกเอกสารให้แก่ลูกค้า
ซึ่ง Forwarders จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสาร B/L, หรือ D/O ในฝั่งประเทศปลายทาง
ดังนั้น B/L แต่ละประเภทก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป
จุดเด่นและจุดด้อยในการใช้ House B/L.
สำหรับจุดเด่นของ House B/L คือ ออกเอกสารได้อย่างรวดเร็ว แก้ไขง่าย
ซึ่งส่งผลดีต่อการออกเอกสาร certificate of origin
ซึ่งทาง forwarder สามารถออกเอกสาร B/L ได้ง่ายและรวดเร็ว
ความรวดเร็วในการออกเอกสาร B/L และการแก้ไขเอกสาร จะส่งผลดีต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งก็มีจุดด้อยเช่นกันจะมีค่าใช้จ่าย สำหรับเอกสาร D/O ที่ประเทศปลายทาง
Forwarders จะช่วยเรื่องการติดต่อสื่อสารระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในฝั่งนำเข้าสินค้า
สำหรับจุดเด่นและจุดด้อยสำหรับการใช้ Master B/L
Master B/L จะมีความแตกต่างจากการใช้ House B/L.
สำหรับข้อดีคือ Master B/L จะมี Additional Charge น้อยกว่า House B/L หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้
ส่วนจุดด้อย คือ ใช้ระยะเวลานานในการออกเอกสารและการแก้ไข
ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกเอกสาร certificate of origin
ทางสายเรือ จะมีหน้าที่ออกเอกสาร B/L ให้สินค้าทุกชนิดที่ต้องการขนส่ง เพราะฉะนั้น จะมีเอกสาร B/L มากมายที่ต้องรับผิดชอบ
บางสายเรือ อาจจะต้องเตรียมเอกสาร B/L สำหรับการใช้งานที่ประเทศอื่นด้วยเช่นกัน
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับงานของ forwarder จะใช้ระยะเวลานาน สำหรับการติดต่อและประสานงานกับลูกค้าโดยตรง
สำหรับ การแก้ไขเอกสาร B/L
forwarder จะแก้ไขเอกสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางสายเรือจะใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขเอกสาร เพราะมีเอกสารจำนวนมาก
หากใช้ระยะเวลานานในการออกเอกสารหรือแก้ไขเอกสาร B/L
ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกเอกสาร certificate of origin
เราได้อธิบายเกี่ยวกับเอกสาร B/L ในมุมมองของ forwarder ไปแล้ว ต่อไปเป็นรายละเอียดของ forwarders.
เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก
House B/L มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในฝั่งนำเข้าสินค้าแน่นอน แต่ก็มีข้อดีมากมายเช่นกัน
ในการเลือกใช้ B/L ในการขนส่งสินค้าแต่ละครั้งนั้น จะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายและค่าบริการเสมอ เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจของคุณเอง