คุณได้ทำกรมธรรม์ประกันภัยสินค้าที่ขนส่งระหว่างประเทศแล้วหรือยัง ??
เนื่องจากภยันตรายและความเสียหายต่อสินค้าที่เกิดขึ้นในระหว่างขนส่ง (ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ) นั้น สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในระหว่างการขนส่งสินค้าข้ามประเทศ
I sometimes here news that a vessel has been burned.
โดยเฉพาะการขนส่งอาหารหรือสินค้าที่สามารถแตกหักได้ง่าย เช่น แก้ว,สินค้าที่มีมูลค่าสูง
ซึ่งความเสียหายอาจมาจากสาเหตุต่าง ๆ ที่บางครั้งเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุของยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง ถูกโจรกรรมสินค้า ภัยจากโจรสลัด เป็นต้น
ดังนั้น การประกันภัยขนส่งสินค้า จึงเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าของสินค้าว่า หากสินค้าที่ขนส่งไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่นำเข้าหรือสินค้าส่งออก หรือเป็นสินค้าที่ซื้อมาขายไปนั้น ได้รับความเสียหายก็จะได้รับการชดใช้ ผู้เอาประกันภัยก็สามารถนำเงินที่ได้รับการชดใช้ไปซื้อสินค้าใหม่ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
ในบางครั้ง อาจเกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับเครื่องมือต่างๆในระหว่างการขนส่ง เช่น ตู้แช่อาหารเกิดการชำรุด
ไม่เพียงแต่การเกิดปัญหาเครื่องมือชำรุดในระหว่างการเดินทาง อีกทั้งยังสามารถเกิดการกระทบกระเทือนจากเรือ ทำให้สินค้าเกิดความเสียหายในระหว่างการเคลื่อนย้ายสินค้าลงจากเรือ
ในครั้งนี้ ทางผู้เขียนจะอธิบายเกี่ยวกับ การประกันภัยสินค้าที่ขนส่งระหว่างประเทศและการคำนวณเงินประกันภัย
การประกันภัยทางทะเลและการขนส่งคืออะไร ?
การประกันภัยที่คุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อเรือและทรัพย์สินหรือสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่งทางทะเล และยังขยายขอบเขตความคุ้มครองไปถึงความเสียหายขณะขนส่งสินค้าทางอากาศ ทางบก หรือทางรถไฟ ซึ่งต่อเนื่องกับการขนส่งทางทะเลด้วย
หากคุณต้องการซื้อการประภันภัยทางทะเล คุณจะต้องสอบถามจากทาง Forwarder ที่เลือกใช้ว่าสามารถครอบคลุมอะไรบ้าง
จำเป็นที่จะต้องซื้อประกันกับสินค้าทุกประเภท ?
หากคุณต้องการซื้อประกันให้กับสินค้าของคุณ นั่นหมายถึงจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้าและวิธีการบรรจุหีบห่อของสินค้าแต่ละชนิด ซึ่งหมายความว่าสินค้าบางชนิดก็ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันภัย
Even some of our customers don’t have marine insurance and sometimes send them by CFR.
But in that case, the insurance may be on the importing side.
สูตรคำนวณเบี้ยประกันภัย
การคำนวณเบี้ยประกันภัยขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท และประเภทของประกันภัย ซึ่งคำนวณได้จาก :
(มูลค่าสินค้า x 110%) X อัตราเบี้ยประกันภัย = จำนวนเบี้ยประกันภัยที่ต้องชำระ
* ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ USD28 〜 USD30 / ครั้ง
วิธีการคำนวณเบี้ยประกันภัย
ทางผู้เขียน จะยกตัวอย่างการคำนวณ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น
ตัวอย่าง: มะม่วงแช่แข็ง
You definitely insure this.
ตัวอย่าง : มะม่วงแช่แข็ง
ชื่อบริษัทประกันภัย : Marine Insurance Company A
อัตราดอกเบี้ย : 0.3%
มูลค่าสินค้า : USD 10,000
มูลค่าของสินค้าที่เอาประกันภัยเป็นร้อยละ 110 ของราคาสินค้า
ค่าประกันภัย (10,000 × 110%) x 0.3% = USD 33 โดยประมาณ
It’s not so expensive, is it?
ควรรับประกันภัยสินค้าทางทะเลหรือไม่ ?
ในฐานะที่เราคือบริษัทขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ และส่งออกสินค้ามากกว่า 2,500 ตู้ทุกเดือน
จะต้องเจอกับปัญหาที่สินค้าได้รับความเสียหายเป็นประจำ
ปัญหาที่ร้ายแรงที่สุด คือ กรณีที่ลูกค้าไม่มีประกันภัยสินค้า
หากเกิดความเสียของสินค้าแล้ว ทางบริษัทขนส่งสินค้าจะไม่รับผิดชอบใด ๆ
สำหรับบริษัทรถบรรทุกในประเทศไทย มักจะมีประกันที่ครอบคลุม 1 ล้านบาทถึง 3 ล้านบาท (ประมาณ 3.5 ล้านเยนถึงประมาณ 10.5 ล้านเยน)
*ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องซื้อประกันเพิ่มเติม
Well, it’s in the case at Thailand… Truck companies can’t control the driver’s risk either…
Also, the shipping company never guarantees…
ขอแนะนำว่า ควรที่จะเพิ่มประกันภัยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น จะมีการประมาณความเป็นไปได้ของอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้
อัตราดอกเบี้ย อยู่ที่ประมาณ 0.2%-0.3% และจำนวนเงินขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ USD 28-USD30
ซึ่งแต่ละกรณีจะแตกต่างกันออกไป จึงควรให้ความสำคัญและทำความเข้าใจ
สรุป
ประกันภัยขนส่งสินค้าคือสิ่งที่จะช่วยเหลือคุณเมื่อต้องเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็น ตก แตก กระแทก และ พัง
เมื่อคุณได้พิจารณาปัญหาและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้นั้น คุณจะรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
หากขึ้นมีประกันภัยสินค้าไว้เราจึงไม่เคยลืมที่จะคุ้มครองลูกค้าเราด้วยสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ