การค้าระหว่างประเทศ แบบ Off-shore trade. และวิธีการ Switch Invoice ,Switch B/L.

การค้าระหว่างประเทศแบบ Off-shore trade. บางคนอาจคิดว่าดูยากและมีความซับซ้อน

Off-shore trade คือ “การทำธุรกิจร่วมกันระหว่าง 3 ประเทศ ” หรือ “ดำเนินการค้าแบบผ่านตัวแทนหรือนายหน้า”,

เป็นหนึ่งในรูปแบบการค้าที่มีความสำคัญ เพราะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออก

หากมีความคุ้นเคยแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้น หากต้องการทำธุรกิจ off-shore trade ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
แต่นายหน้าและ Freight Forwarders จะต้องคำนึงถึงเรื่องกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน

วิดีโอแอนนิเมชั่นเกี่ยวกับประโยชน์สำหรับผู้นำเข้าและส่งออกในการใช้ Off-shore trading

Senoir CatSenoir Cat

วิดีโอมาพร้อมกับคำอธิบายและตัวการ์ตูนสุดน่ารัก เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น…

Off-Shore Trading

ในการทำธุรกิจแบบ Off-shore trade จะต้องมีตัวแทนของประเทศที่สามนอกเหนือจากผู้ส่งออกและผู้นำเข้า

บทความนี้ เราจะยกตัวอย่างการทำธุรกิจการส่งออกมะม่วงจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้บริการผ่านตัวแทนประเทศญี่ปุ่น

ซึ่งมีตัวอย่างดังต่อไปนี้ ;

・ผู้ส่งออก : ประเทศไทย
・นายหน้า : ประเทศญี่ปุ่น
・ผู้นำเข้า : ประเทศสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับการชำระเงิน, สินค้า, และการเตรียมเอกสาร

เรื่องการชำระเงิน ขั้นตอนการส่งสินค้าและการเตรียมเอกสาร คือสิ่งที่สำคัญในการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ

Senior CatSenior Cat

อาจฟังดูยากและซับซ้อน..

การค้าแบบ off-shore trade นั้น เรื่องการเงินและเอกสาร จะมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน
โดยขั้นตอนเรื่องการจัดทำเอกสารจะมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น

เรามาเจาะลึกแต่ละขั้นตอนกันค่ะ

การชำระเงิน

อันดับแรก เรื่องการชำระเงิน
เมื่อทางนายหน้าประเทศญี่ปุ่นและผู้นำเข้าประเทศอเมริกาได้ทำการตกลงกันเรียบร้อยแล้วนั้น

ทางผู้นำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาจะทำการชำระเงินให้แก่นายหน้าชาวญี่ปุ่น หลังจากนั้น นายหน้าชาวญี่ปุ่นจะชำระเงินให้แก้ผู้ส่งออกชาวไทย

และออกเอกสาร Invoice ให้แก่ผู้นำเข้าชาวอเมริกัน ซึ่งจะรวมกำไรของนายหน้าชาวญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว

การขนส่งสินค้า

ลำดับต่อไป ขั้นตอนการขนส่งสินค้า

Freight forwarder ชาวไทย จัดการเรื่องการส่งสินค้าให้แก่ Freight forwarder ชาวอเมริกัน

Seagull seniorSeagull senior

สินค้าจะถูกส่งจากประเทศไทยไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาโดยตรง โดยไม่ผ่านนายหน้าประเทศญี่ปุ่น

ประโยชน์สำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ในการนำธุรกิจแบบ Off-shore trade

การค้าแบบ Off-shore trade ทางผู้นำเข้าและผู้ส่งออก จะได้รับผลประโยชน์จากการใช้บริการผ่านตัวกลาง

ประโยชน์สำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้า

สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ส่งออก ;

・ลดระยะเวลาในการเจรจาต่อรองกับผู้นำเข้าและสามารถลดต้นทุนสำหรับการขายสินค้า
・ลดความเสี่ยงในการเรียกเก็บเงินจากผู้นำเข้ารายใหม่ โดยผ่านตัวกลางที่มีประสบการณ์

สิทธิประโยชน์สำหรับผู้นำเข้า ;

・นายหน้าหรือตัวกลางสามารถเจรจาต่อรองเรื่องต้นทุนการขายและผู้นำเข้าสามารถลดต้นทุนการขายได้
เมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าด้วยตนเอง
・ลดระยะเวลาการขนส่ง เนื่องจากสินค้าถูกส่งโดยตรงจากประเทศผู้ส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้า
・สินค้าจะไม่ผ่านประเทศที่สาม ดังนั้นจะไม่ถูกหักภาษี

สิทธิประโยชน์เหล่านี้ ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกจะได้รับเมื่อใช้การค้าแบบ off-shore trade

การปิดข้อมูลผู้ส่งออก หรือ Suppliers

การค้าแบบ off-shore trade, นายหน้าจะต้องระมัดระวังในเรื่องการติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างผู้นำเข้าและ
Supplier (ผู้จำหน่ายสินค้า) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดต่อและซื้อขายกันเองในอนาคต

เพราะมีกรณีที่ทาง Supplier ให้ข้อมูลกับทางผู้นำเข้าโดยตรงในระหว่างการซื้อขายสินค้า

การ Switch Invoice

ในครั้งนี้ เรามีตัวอย่างของนายหน้าที่ติดต่อทำธุรกิจโดยไม่เปิดเผยข้อมูล Supplier และมีเทคนิคการค้าที่เป็นที่ยอมรับซึ่งสามารถใช้ได้ในสถานการณ์นี้

ซึ่งเรียกว่า การ Switch Invoice และ Switch B/L

มีรายละเอียดดังนี้

ตัวอย่างสำหรับ Off-Shore Trade

Invoice สำหรับการส่งออกสินค้า

เอกสาร invoice ที่ออกโดยประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศส่งออกสินค้า มีลักษณะดังนี้ ;

・ผู้ขาย : บริษัทไทย
・ผู้ซื้อ : บริษัทอเมริกา
・ผู้ติดต่อ : บริษัทญี่ปุ่น

สำหรับการดำเนินพิธีการศุลกากรขาออก , สินค้าถูกส่งโดยตรงจากประเทศผู้ส่งออกไปยังประเทศผู้นำเข้า

หากใช้เงื่อนไขเทอม CIF จะต้องออกเอกสาร Invoice ที่มียอดเรียกเก็บเงินทั้งหมด
ซึ่งจะต้องรวมต้นทุนของสินค้า น้ำหนักและค่าประกันภัยสินค้า

แต่เอกสาร Invoice นี้จะไม่รวมกำไรของนายหน้าชาวญี่ปุ่น

Invoice สำหรับการนำเข้าสินค้า

เอกสาร invoice สำหรับการนำเข้าสินค้าที่ออกโดยตัวกลางคือประเทศญี่ปุ่น มีลักษณะดังนี้ ;

・ผู้ขาย : บริษัทญี่ปุ่น
・ผู้ซื้อ : บริษัทอเมริกา

คุณอาจสังเกตเห็นว่า ข้อมูลของซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวกับประเทศไทย จะไม่รวมอยู่ในเอกสาร Invoice นี้

Invoice ประเภทนี้จะเรียกว่า การ Switch Invoice.

เอกสารที่ห้ามส่งให้ผู้นำเข้า

เราจะไม่สามารถส่งเอกสาร invoice ที่ ใช้สำหรับการทำพิธีการศุลกากรขาออก ไปให้ประเทศผู้นำเข้าที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
เพราะทางผู้นำเข้าชาวอเมริกัน จะพบความแตกต่างระหว่างของต้นทุนและราคาขายสินค้าของนายหน้าชาวญี่ปุ่น

Seagull seniorSeagull senior

สิ่งนี้อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือระหว่างนายหน้าและผู้นำเข้า

ดังนั้น Freight forwarder จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องการจัดการเอกสาร Invoices.

การ Switch B/L

เราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการ switch invoice ไปแล้ว
ต่อไปคือการ Switch B/L ในการขนส่งสินค้า โดยไม่เปิดเผยชื่อผู้ส่งสินค้าให้กับผู้นำเข้า

ในการ Switch B/L เราสามารถใช้ชื่อบริษัทนายหน้าแทนชื่อบริษัทของผู้ส่งออกที่แท้จริง

【B/L ฉบับแรก】ผู้ส่งออก → ส่งให้นายหน้า

ขั้นตอนในการ Switch B/L
อันดับแรก Freight forwarder ในประเทศไทย ที่ส่งออกสินค้าจะทำการออก B/L ซึ่งมีลักษณะดังนี้
ผู้ส่งออก : บริษัทไทย
ผู้นำเข้า : บริษัทญี่ปุ่น

และมีรายละเอียดดังนี้
สถานที่ต้นทางที่ส่งออก : ประเทศส่งออกสินค้าคือ ประเทศไทย
เมืองท่าปลายทาง : ประเทศนำเข้าสินค้า คือ สหรัฐอเมริกา
Original B/L จะถูกส่งไปยังนายหน้าชาวญี่ปุ่น

【Switch B/L】นายหน้า → ส่งให้ผู้นำเข้า

ต่อไปตัวกลางชาวญี่ปุ่นจะทำการ Switch B/L แล้วส่งไปยังผู้นำเข้าชาวอเมริกัน รายละเอียด มีดังนี้

ผู้ส่งออก : บริษัทญี่ปุ่น
ผู้นำเข้า : บริษัทอเมริกา

Seagull seniorSeagull senior

ในการใช้ switch invoice และ switch B/L,
สามารถป้องกันไม่ให้ผู้นำเข้าชาวอเมริกันพบข้อมูลซัพพลายเออร์ในประเทศไทยได้

เอกสารรับรองถิ่นกำเนิด สำหรับ Off-shore trade

การใช้เอกสาร certificate of origin สำหรับการค้าแบบ off-shore trade.
คุณสามารถใช้ประโยชน์จากภาษีได้ หากการค้านั้นอยู่ใน กลุ่มประเทศ FTA และ EPA

เอกสารรับรองถิ่นกำเนิด จะถูกออกโดยประเทศผู้ส่งออกและส่งไปยังประเทศนำเข้าสินค้า

การค้าแบบ off-shore trade นั้น หากประเทศส่งออกและนำเข้าสินค้านั้น อยู่ในกลุ่มประเทศ FTA และ EPA,
เราสามารถใช้ประโยชน์ได้ แม้ว่าเราใช้บริการผ่านตัวกลางก็ตาม

ข้อควรคำนึงเกี่ยวกับการใช้เอกสารรับรองถิ่นกำเนิด

ในกรณีที่คุณต้องการเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดจากประเทศส่งออกสินค้า

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ถึงแม้ว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลผู้ส่งออกหรือ supplier โดยการใช้ switch invoice และ switch B/L
แต่ข้อมูลของผู้ส่งออกจะถูกเขียนในเอกสารรับรองถิ่นกำเนิด

จะต้องทำความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวกับการไม่เปิดเผยข้อมูลผู้ส่งออกในเอกสารรับรองถิ่นกำเนิดให้ดี
เพราะอาจเกิดปัญหาในภายหลังได้

สรุป

ข้อดีของการค้าแบบ off-shore trade นั้นมีมากมาย แต่จะต้องคำนึงและระวังเรื่องการทำเอกสาร
หากเราส่งเอกสารผิดพลาด ข้อมูลต่างๆ อาจถูกเปิดเผยต่อผู้นำเข้า

นายหน้าและผู้ส่งออกจะสูญเสียความไว้วางใจจากลูกค้าหรือผู้นำเข้า
ในการใช้ off-shore trade จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการติดต่อสื่อสารที่ดีระหว่างผู้ทำธุรกิจแต่ละราย เพราะจะต้องตรวจสอบรายละเอียดในแต่ละขั้นตอนให้ละเอียด