A freight forwarder คือ ตัวแทนหรือตัวกลางในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ในการขนส่งสินค้า เราสามารถขนส่งสินค้าได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำหรือทางเรือ ทางบก และทางอากาศด้วยเครื่องบิน ซึ่งผู้ให้บริการขนส่งสินค้าที่เราคุ้นเคย
และได้ยินบ่อย ๆ ก็คือ Freight Forwarder
ในบทความนี้เรามาทำความเข้าใจว่า Freight forwarder คืออะไร และมีหน้าที่อย่างไร
เราควรเลือกใช้ช่องทาง Freight forwarder (เฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์) ในกรณีใดบ้าง
ในปัจจุบันมีบริษัท Freight Forwarders มากมายในประเทศไทย
ผู้ประกอบการหรือผู้ที่ต้องการนำเข้าส่งออกสินค้า ควรเลือกบริษัท Freight Forwarder ที่มีการเงินมั่นคง มีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการบริการที่ดี
มีวิสัยทัศน์ และมีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งจะช่วยให้ได้รับบริการที่ดี และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาที่จะกระทบกับธุรกิจของคุณต่าง ๆ ตามมาได้
วิดีโอแอนนิเมชั่นเกี่ยวกับวิธีการเลือก Forwarder ให้มีประสิทธิภาพ
ทำไมถึงมีบริษัท Forwarder เกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน ?
บริษัทของเราตั้งอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งมีบริษัทขนส่งสินค้าของประเทศญี่ปุ่นเกือบ 100 แห่ง ที่จดทะเบียนกับหอการค้าไทย-ญี่ปุ่น
ซึ่งส่วนใหญ่ ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Freight Forwarder
จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมถึงมีตัวแทนในการขนส่งสินค้าเกิดขึ้นมากมายในตลาด ?
เหตุผลที่มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับบริษัท Freight Forwarder ที่มีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบัน
・ ใช้เงินลงทุนน้อย
: เพราะบริษัท freight forwarder ไม่จำเป็นต้องมีเรือหรือเครื่องบินเป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงสามารถเริ่มทำธุรกิจได้ง่าย
・ ต้นทุนบริหารจัดการน้อย
: ในการลงทุนเปิดบริษัทในประเทศไทย หากมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่น 1 คน และคนไทย 4 คน ก็สามาถเปิดบริษัทได้
・ บริการขนส่งสินค้ามีหลายรูปแบบ
: การขนส่งสินค้าฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่มีความซับซ้อน เพราะในการส่งสินค้าแต่ละประเภทจะมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน
ทั้งในเรื่องชนิดของสินค้า ประเทศปลายทาง และความต้องการของลูกค้า
ดังนั้น ควรจะเลือกบริษัทที่สามารถจัดหาบริการที่ตรงกับสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
จำเป็นต้องมี Forwarder หรือไม่?
การใช้บริการกับ Freight Forwarder มักจะมีบริการต่างๆ ที่สามารถลดเวลาและสร้างความสะดวกสบาย ทำให้ลูกค้าไม่ต้องติดต่อหรือประสานงานกับหลาย ๆ แห่ง
ซึ่งการใช้บริการขนส่งสินค้าผ่านผู้ให้บริการขนส่งสินค้านั้น เพื่อทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าลดลง ระยะเวลาในการจัดส่งสินค้าลดลง และสินค้าถึงที่หมายอย่างถูกต้องปลอดภัย
หากปริมาณสินค้ามีจำนวนน้อย ต้นทุนการส่งสินค้าจะสูงมาก
การขนส่งสินค้าผ่าน Forwarder
หากบริษัทของคุณต้องการส่งสินค้าเดือนละประมาณ 1-2 ตู้คอนเทนเนอร์ ค่าเฟรทหรือค่าขนส่งสินค้าจะมีราคาสูงมาก ซึ่งอาจจะไม่คุ้มค่า
โดยปกติแล้ว บริษัท Freight Forwarder ส่งสินค้าเดือนละ 100-1,000 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน
Freight Forwarder มีหน้าที่เป็นตัวแทนหรือตัวกลางในการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าหลาย ๆ เจ้า ทำให้ได้รับส่วนลดในการขนส่งสินค้า
ดังนั้น หากเราใช้บริการขนส่งสินค้ากับทาง Freight Forwarder ก็จะได้ราคาที่ถูกกว่าการส่งกับสายเรือโดยตรง
เราแนะนำให้ท่านใช้บริการ Freight Forwarder..!
ขั้นตอนการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์
ตัวอย่างหน้าที่และการให้บริการของ Freight forwarder มีดังนี้ ;
・ จัดการจองเรือและเครื่องบิน
・ เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทขนส่งสินค้าต่าง ๆ
・ เป็นตัวแทนผู้ส่งออกและผู้นำเข้าในการเดินพิธีการศุลกากร
・ ให้บริการบรรจุภัณฑ์การบรรจุสินค้า รวมถึงการหีบห่อสินค้า
・ ติดต่อบริษัทเคลื่อนย้ายสินค้า ในกรณีที่สินค้ามีขนาดใหญ่เกินมาตรฐาน
・ หากสินค้ามีปริมาณน้อย จะจัดส่งแบบไม่เต็มตู้
・ ติดต่อบริษัทขนส่งที่ชำนาญเฉพาะทาง หากมีสินค้าที่จะต้องจัดส่งข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ
・ ติดต่อกับโกดังสินค้าเก็บความเย็น ในกรณีที่สินค้าต้องแช่แข็ง
หากเลือกใช้บริการขนส่งสินค้ากับทาง Freight Forwarder ที่ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร สามารถทำตามความต้องการของลูกค้าได้
Freight Forwarder ที่มีประสิทธิภาพ จะต้องให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และพยายามให้เกิดการขนส่งที่ดีที่สุดและใช้ต้นทุนน้อยที่สุด
ปัจจัยในการเลือกใช้บริการตัวแทนขนส่งสินค้า
ในบทความนี้ เราจะอธิบายกี่ยวกับหน้าที่ และการเลือกใช้ บริษัท Freight Forwarder
ข้อดีและข้อควรระวังสำหรับการใช้บริการของ Freight Forwarder
อันดับแรก เราอยากให้ทางผู้อ่านได้เข้าใจข้อดีและข้อควรระวังสำหรับการเลือกใช้บริการ Freight Forwarder
บริษัทของเราเป็นหนึ่งในกลุ่มพันธมิตรที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เป็นกลุ่มบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับบริการขนส่งสินค้าและการทำเดินพิธีการศุลกากร
และอื่นๆ ดังต่อไปนี้
・ การส่งสินค้าในเส้นทางแถบเอเชียและเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้
・ การส่งออกสินค้า
・ สินค้าอันตราย
・ การขนส่งสินค้าทางเครื่องบิน
・ สินค้าควบคุมอุณหภูมิ
ตัวอย่าง เช่น หากต้องการส่งสินค้าที่อันตรายกับทาง freight forwarder ที่ไม่มีประสบการณ์ ไม่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสินค้าอันตราย
อาจทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น
ขอแนะนำให้ท่านเลือกใช้ Freight Forwarder ที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้า
การจัดการพื้นที่บนเรือและเครื่องบิน
ลำดับที่สอง เราอยากให้ทางผู้อ่านได้เข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ ที่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้าท่งเรือและทางเครื่องบินนั้น
มีอยู่อย่างจำกัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงก่อนเทศกาลหยุดยาว เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ หรือเทศกาลหยุดยาว จะหาพื้นที่ในการส่งออกสินค้ายาก
หากเลือกใช้ Freight Forwarder ที่มีประสิทธิภาพ ก็จะสามารถจัดหาพื้นที่บนเรือให้คุณได้อย่างแน่นอน
ต้นทุนที่เหมาะสม
เมื่อสินค้าสามารถขนส่งถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลา สิ่งที่เราจะต้องคำนึงต่อไปก็คือ เรื่องราคา
หากราคาค่าขนส่งสินค้าเพิ่ม ราคาของสินค้าก็จะสูงขึ้น และหากสามารถขนส่งสินค้าได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลาต่อไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มลดต้นทุนค่าขนส่งลง
บริษัทที่สามารถทำราคาให้น่าสนใจได้ คือบริษัทที่แข็งแกร่ง
การหาเรทราคาที่สมเหตุสมผล
เราสามารถหาราคาที่น่าสนใจได้จากที่ไหนบ้าง ? ขึ้นอยู่กับปริมาณของสินค้าที่ทาง Freight Forwarder ได้ตกลงกับทาง
ทีมเซลล์ของสายเรือ
หากต้องการส่งสินค้าในปริมาณมาก ทางสายเรือก็จะเสนอราคาพิเศษแก่ทาง Freight Forwarder
หรือหากทางทีมเซลล์ขายให้ในราคาที่สูง ราคาต้นทุนก็จะสูงขึ้นตาม
ทางเลือกของทางผู้ให้บริการ
โดยปกติแล้ว Freight Forwarder จะไม่มีเรือหรือเครื่องบินเป็นของตัวเอง แต่จะทำหน้าที่ติดต่อกับแต่ละทางสายเรือและสายการบิน
เพื่อจัดหาตัวเลือกที่ดีที่สุดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า
ลูกค้าจะได้รับข้อเสนอที่หลากหลายจาก Freight Forwarder
การเดินพิธีการศุลกากร
ในการขนส่งสินค้า จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และประกาศที่กรมศุลกากรและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ให้ครบถ้วน
สินค้าบางชนิดจะต้องมีใบอนุญาตหรือต้องขึ้นทะเบียนก่อนการนำเข้า Freight forwarder มีหน้าที่คอยประสานงานและให้ข้อมูลแก่ลูกค้า
Freight Forwarder ที่ดีจะต้องให้บริการลูกค้าอย่างสุดความสามารถ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้า จัดการปัญหาเฉพาะหน้าได้และป้องกันปัญหา
เกี่ยวกับการเคลียร์สินค้าที่อาจเกิดขึ้นได้
การเดินพิธีการศุลกากรเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์
การติดต่อสื่อสารที่ดีกับสาขาปลายทาง
Freight Forwarder ในฝั่งผู้ส่งออกและ Freight Forwarder ในฝั่งผู้นำเข้าสินค้า จะอยู่คนละประเทศ
ซึ่งแต่ละฝ่ายจะมีหน้าที่ติดต่อสื่อสารและประสานงานกันในเรื่องการส่งสินค้าข้ามประเทศ
บริษัทที่มีขนาดใหญ่จะมีสาขามากมายในต่างประเทศ และมีเครือข่าย Freight Forwarder ที่ครอบคลุม ทำให้การขนส่งสมบูรณ์
หากสองประเทศสื่อสารกันผิดพลาด อาจทำให้การเคลียร์สินสินค้าเกิดความล่าช้าและส่งสินค้าให้ลูกค้าไม่ทันตามเวลาที่กำหนด
ปัจจัยที่สำคัญคือการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างสองประเทศอยู่สม่ำเสมอ
การบริการลูกค้า
หาก Freight Forwarder สามารถจัดหาบริการที่ดี มีการบริการที่ดีอยู่สม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้าเกิดความไว้วางใจและอยากกลับมาใช้อยู่เสมอ
Freight Forwarder จึงควรมีการตอบสนองลูกค้าที่รวดเร็ว มีความยืดหยุ่น และมีความเป็นมืออาชีพ
หารมีการสื่อสารที่ไม่เพียงพอ อาจเกิดความผิดพลาด และทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจได้
หน้าที่และความรับผิดชอบของพนักขาย
การบริการที่ดี เป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาคุณภาพและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท.
หน้าที่และความรับผิดชอบของเซลล์แต่ละบริษัทจะมีความแตกต่างกัน
พนักงานขาย คือตัวแทนของบริษัท บุคคลที่ให้บริการและผู้เชี่ยวชาญทางด้านศุลกากรจะต้องร่วมกันทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
หากการสื่อสารกันในทีมไม่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าอาจะเกิดความกังวลและไม่ประทับใจกับการบริการของบริษัทเรา
สรุป
ในการเลือกใช้บริการตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แต่ละบริษัทมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป
ควรเลือกใช้บริการกับตัวแทนขนส่งที่มีความเชื่อถือไว้วางใจได้ มีความยืดหยุ่น
และสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด