หัวข้อในวันนี้คือ ความแตกต่างระหว่าง House B/L และ Master B/L
อย่างที่ทุกคนทราบ ว่า B/L เป็นเอกสารสำคัญในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจกันว่า House B/L และ Master B/L คืออะไร
วิดีโอแอนนิเมชั่นเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง House B/L และ Master B/L
อย่าลืมกดติดตามและเป็นกำลังใจให้ช่องของเราด้วยนะ!
House และ Master B/L คืออะไร
House B/L จะออกโดย freight forwarder, ส่วน Master B/L จะออกโดยสายเรือ
ซึ่งจะไม่มีลูกค้าที่ได้รับทั้ง House B/L และ Master B/L เพราะลูกค้าจะเลือกใช้ประเภทใดประเภทหนึ่งเท่านั้น
・House B/L(HBL) : ออกเอกสารโดย Forwarder
・Master B/L(MBL): ออกเอกสารโดย สายเรือ (Shipping Line)
ตัวอย่าง House B/L
อันดับแรกคือ House B/L. นี่คือรูปแบบเอกสาร B/L ของบริษัทเราเองค่ะ
รายละเอียดของ House B/L
① Shipper Column :ระบุชื่อและที่อยู่ ผู้ส่งออกตัวจริง
② Cnee Colum:ระบุชื่อและที่อยู่ ผู้นำเข้าตัวจริง
③ B/L format:รูปแบบ B/L ที่ออกโดย freight forwarder
④ D/O release:ระบุชื่อบริษัทและที่อยู่ของ AGENT ที่ประเทศปลายทาง
ซึ่ง AGENT นี้ จะเป็นผู้ออกเอกสาร Arrival Notice and D/O เพื่อแจ้งไปยังผู้นำเข้าสินค้า
การออก Master B/L โดยใช้ Sub, House B/L
สำหรับ Master B/L จะออกโดยสายเรือ. หากคุณใช้ Master B/L เป็น sub เอกสาร House B/L มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ค่ะ
มีรายละเอียด ดังนี้
① Shipper Column:ระบุชื่อและที่อยู่ของ ตัวแทนผู้ส่งออกสินค้า
② Cnee Colum:ระบุชื่อและที่อยู่ ตัวแทนผู้นำเข้าสินค้า
③ B/L format:หัวกระดาษของ B/L จะเป็นชื่อของสายเรือ
④ D/O release:บริษัทในฝั่งนำเข้าสินค้า จะเป็นบริษัทเรือที่อยู่ปลายทาง
การออกเอกสาร Master B/L ให้แก่ลูกค้า
ลูกค้า จะได้รับเพียงแค่เอกสาร HBL เท่านั้น.
ส่วนเอกสาร MBL จะเป็นการประสานงานระหว่าง freight forwarders กับ ทางสายเรือ เป็นการภายในเท่านั้น
มีรายละเอียด ดังนี้
① Shipper Column: ระบุชื่อและที่อยู่ ผู้ส่งออกตัวจริง
② Cnee Column: ระบุชื่อและที่อยู่ ผู้นำเข้าตัวจริง
③ บนหัวกระดาษจะระบุชื่อของสายเรือ
④ D/O release:ระบุชื่อบริษัทเรือที่อยู่ปลายทาง
สรุปง่าย ๆ
ในกรณีที่ลูกค้าใช้ House B/L จำเป็นจะต้องมีทั้ง House B/L และ Master B/L เพื่อส่งให้แก่ Agent ที่ปลายทาง
แต่สำหรับ Shipper และ Consignee จะได้รับเพียงแค่ เอกสาร House B/L เท่านั้น
สำหรับในกรณีการใช้ Master B/L, ทางสายเรือจะเป็นผู้ออกเอกสารให้แก่ลูกค้า
ซึ่ง Forwarders จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกสาร B/L, หรือ D/O ในฝั่งประเทศปลายทาง
จุดเด่นและจุดด้อยในการใช้ House B/L
・ออกเอกสารได้อย่างรวดเร็ว
・แก้ไขง่าย
・บริการแบบยืดหยุ่น
・ส่งผลดีต่อการออกเอกสาร certificate of origin
・จะมีค่าใช้จ่าย สำหรับเอกสาร D/O ที่ประเทศปลายทาง
ความรวดเร็วในการออกเอกสาร B/L และการแก้ไขเอกสาร จะส่งผลดีต่อการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
สำหรับจุดเด่นและจุดด้อยสำหรับการใช้ Master B/L
・Additional Charge น้อยกว่า House B/L หรืออาจจะไม่มีเลย
※Only DOC fee about USD20.
・ใช้ระยะเวลานานในการออกเอกสาร
・แก้ไขเอกสารช้า
→ทำให้เกิดความล่าช้าในการออกเอกสาร certificate of origin
แตกต่างจากการใช้ House B/L
ทำไมถึงใช้ระยะเวลาในการออกเอกสารและแก้ไข B/L
สำหรับจุดด้อยของเอกสาร Master B/L, ใช้ระยะเวลาที่นาน ในการออกเอกสารและการแก้ไขต่าง ๆ
ทางสายเรือ จะมีหน้าที่ออกเอกสาร B/L ให้ทุกชิปเม้นที่ต้องการขนส่ง. เพราะฉะนั้น จะมีเอกสาร B/L มากมายที่ต้องรับผิดชอบ
บางสายเรือ อาจจะต้องเตรียมเอกสาร B/L สำหรับการใช้งานที่ประเทศอื่น
เมื่อเปรียบเทียบกับ forwarder จะใช้ระยะเวลานานในการติดต่อและประสานงานกับลูกค้าโดยตรง
สำหรับ การแก้ไขเอกสาร B/L
forwarder จะแก้ไขเอกสารได้อย่างรวดเร็ว แต่ทางสายเรือจะใช้ระยะเวลานานในการแก้ไขเอกสาร เพราะมีเอกสารจำนวนมาก.
สรุป
หากเกิดปัญหาในระหว่างกระบวนการขนส่งสินค้า ความรวดเร็วและความยืดหยุ่น เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมาก
House B/L จะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในฝั่งนำเข้าสินค้าแน่นอน แต่ก็มีข้อดีมากมายเช่นกัน
ในการเลือกใช้ B/L ในการขนส่งสินค้าแต่ละครั้งนั้น จะต้องคำนวณค่าใช้จ่ายและค่าบริการเสมอ เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจของคุณเอง