บทความนี้ คือ มุมมองสำหรับผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสำหรับการขนส่งสินค้า เทอม FOB
การจัดการกับความเสี่ยงและราคาต้นทุน คือ ปัจจัยหลักในการซื้อขาย
เช่น หากเราทำธุรกิจกับบริษัทที่มีประสบการณ์ในการนำเข้าสินค้า จะใช้เงื่อนไขการขนส่งแบบ FOB กับประเทศที่มีการซื้อขายเป็นปกติ
สำหรับเงื่อนไข CFR จะใช้กับประเทศที่ไม่ค่อยมีการซื้อขายร่วมกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกใช้เทอมการขนส่งสินค้าให้เหมาะสมกับการทำธุรกิจ
ข้อดีและข้อเสีย สำหรับการขนส่งสินค้าแบบ FOB
วิดีโอแอนนิเมชั่นเกี่ยวกับ FOB
FOB คืออะไร ?
การขนส่งสินค้าเทอม FOB คือ ผู้ขายส่งมอบสินค้าโดยวางสินค้าไว้บนเรือของผู้ซื้อ ณ ท่าเรือต้นทางที่ระบุ
หลังจากนั้น ผู้ซื้อรับความเสี่ยงทั้งหมดของสินค้าเมื่อได้รับมอบสินค้าแล้ว
FOB ย่อมาจาก “Free On Board”, และ “board” ในที่นี้ หมายความว่า ดาดฟ้าเรือ
และ ผู้ซื้อจะชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวกับสินค้านับแต่เวลาที่สินค้าได้ถูกส่งมอบสินค้าแล้ว
เอกสาร เกี่ยวกับ FOB
ในเอกสาร Invoice ชื่อของท่าเรือส่งออกสินค้า จะตามหลังคำว่า FOB
ยกตัวอย่าง เช่น “FOB TOKYO”
“FOB TOKYO” หมายถึง เมื่อสินค้าถูกส่งออกจากโตเกียว, วางสินค้าไว้บนเรือของผู้ซื้อ ณ ท่าเรือส่งออก
ภาระความรับผิดชอบทั้งหมดจะย้ายจากผู้ส่งออกเป็นผู้นำเข้า.
ผู้นำเข้ารับความเสี่ยงทั้งหมดของสินค้าเมื่อได้รับมอบสินค้าแล้ว ซึ่งเป็นการลดภาระความรับผิดชอบในฝั่งผู้ส่งออก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้นำเข้าแล้ว ภาระความรับผิดชอบจะน้อยกว่าการส่งสินค้าเทอม EX-works
การส่งสินค้าแบบ FOB จะต้องมีประสบการณ์ด้านการทำธุรกิจและมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการป้องกันความเสี่ยงในระดับหนึ่ง
มุมมองของผู้ส่งออก สำหรับการส่งสินค้าเทอม FOB
สิ่งที่จะต้องเตรียมในการส่งออกสินค้าเทอม FOB คือ รถบรรทุกสินค้าภายในประเทศและการทำศุลกากร
ผู้ส่งออกจะต้องเตรียมการขนส่งสินค้าภายในประเทศและการทำศุลกากร
สำหรับผู้ส่งออก การส่งสินค้าแบบ FOB จะไม่ซับซ้อนและเป็นลดภาระความรับผิดชอบ
ซึ่งผู้ส่งออก จะมีหน้าที่เพียงมอบสินค้าโดยวางสินค้าไว้บนเรือของผู้ซื้อ ณ ท่าเรือต้นทางที่ระบุ
หลังจากนั้น จะเป็นหน้าที่ของผู้นำเข้า
มุมมองของผู้นำเข้า สำหรับการส่งสินค้าเทอม FOB
หากคุณนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอยู่เป็นประจำ สามารถลดต้นทุนจากการใช้เทอม FOB ได้.
โดยการเจรจาเรื่องค่าเฟรทกับทาง freight forwarder
ในกรณีที่ทำการซื้อขายสินค้าเทกองโดยไม่มีภาชนะบรรจุสินค้า เราขอแนะนำให้เลือกใช้การขนส่งสินค้าแบบ CFR
จะต้องคำนึงถึงปริมาณ, ค่าใช้จ่าย เพื่อความคุ้มค่าและสามารถจัดการได้อย่างราบรื่น
– หากผู้นำเข้า นำเข้าสินค้าในปริมาณมาก : แนะนำให้ใช้เทอม FOB
– หากผู้ส่งออก ส่งออกสินค้าในปริมาณมาก : แนะนำให้ใช้เทอม CFR/CIF
การเลือก freight forwarder
freight forwarder ที่ดีจะต้องมีตัวเลือกและข้อเสนอต่างๆ เพื่อความสะดวกและราบรื่น
สำหรับการเลือก freight forwarder ก็มีความสำคัญ จะต้องเลือกใช้บริษัทที่มี ประสบการณ์และเชี่ยวชาญ ทางด้านการขนส่งสินค้า
freight forwarder ที่ดีจะต้องมี ตัวเลือกและข้อเสนอต่าง ๆ เพื่อความสะดวกและราบรื่น
ตัวอย่าง ของบริษัท HPS Trade
ยกตัวอย่าง เช่น บริษัทของเราได้นำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีน มายังประเทศไทยเป็นประจำ
ดังนั้น จะมีปริมาณสินค้ามาก ค่าใช้จ่ายจึงถูกลง
แต่ถ้าหากนำเข้าสินค้าจากแอฟริกาหรือแอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่เราได้ทำซื้อขายเป็นประจำ มีปริมาณนำเข้าน้อย จึงมีค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น
ดังนั้น ในกรณีเรานี้ จะเสนอเทอม CFR เพื่อเพิ่มกำไรให้กับผู้ส่งออก
Incoterms : FCA – Free Carrier
ต่อไป คือการขนส่งสินค้าแบบ “FCA” ที่มีความคล้ายคลึงกับ “FOB”
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่า เทอม “FOB” คือ ค่าใช้จ่ายและภาระความรับผิดชอบ จากถูกเปลี่ยนจากผู้ขายไปเป็นผู้ซื้อ เมื่อสินค้าถูกวางลงบนเรือ
แต่สำหรับเทอม FCA คือ ค่าใช้จ่ายและภาระความรับผิดชอบ จากถูกเปลี่ยนจากผู้ขายไปเป็นผู้ซื้อ ณ สถานที่ที่ระบุไว้
หรือ จุดรับสินค้า เช่น หน้าโรงงาน
・FOB:เมื่อสินค้าถูกวางลงบนเรือ
・FCA:ณ จุดรับสินค้าหรือโกดังสินค้า ที่ฝั่งส่งออก
ประโยชน์จากการใช้เทอม FCA คือ มีภาระความรับผิดชอบที่ท่าเรือ น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเทอม FOB
สรุป
เงื่อนไขการขนส่งสินค้าแบบ FOB คือ ภาระความรับผิดชอบจะถูกเปลี่ยนจากผู้ส่งออกเป็นผู้นำเข้า
ก็ต่อเมื่อสินค้าได้ถูกวางบนเรือในฝั่งประเทศส่งออกสินค้า
ดังนั้น ผู้ส่งออกและผู้นำเข้า ต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญกับเทอมซื้อขาย FOB
และพิจารณาข้อดีและข้อเสีย ให้เหมาะกับการทำธุรกิจของคุณ